เมโสหน้าใส กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ความงามยอดนิยมสำหรับผู้ใฝ่ฝันถึงผิวหน้ากระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ รูขุมขนกระชับ เต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ แต่ด้วยความนิยมที่พุ่งสูงขึ้น หลายคนอาจยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เมโสหน้าใสคืออะไร ทำงานอย่างไร เหมาะกับใคร และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง

บทความนี้ จะพาคุณไปรู้จักกับเมโสหน้าใสอย่างลึกซึ้ง ตอบคำถาม 5 ข้อสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดว่า เมโสหน้าใสเหมาะกับคุณหรือไม่

1. เมโสหน้าใสคืออะไร?

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นเทคนิคการบำรุงผิวแบบเข้มข้น โดยแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดยาหรือสารบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นหนังแท้ใต้ชั้นผิวหนังโดยตรง สารเหล่านี้จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน เติมเต็มน้ำใต้ผิว ปรับสภาพสีผิว และลดเลือนริ้วรอย

2. เมโสหน้าใสมีกี่แบบ?

เมโสหน้าใสสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

• เมโสหน้าใสแบบวิตามิน: เป็นการฉีดวิตามินแร่ธาตุ กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น เต่งตึง

• เมโสหน้าใสแบบค็อกเทล: เป็นการผสมสารบำรุงหลายชนิดเข้าด้วยกัน สูตรเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข

3. เมโสหน้าใส เหมาะกับใคร?

เมโสหน้าใส เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้

• ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส

• มีจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิว

• รูขุมขนกว้าง

• ผิวหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

• ผิวหน้าหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย

4. เมโสหน้าใส ใช้เวลานานแค่ไหน?

การฉีดเมโสหน้าใส ใช้เวลาเพียง 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ โดยทั่วไป แนะนำให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 4-6 สัปดาห์ หลังจากนั้น สามารถทำต่อเนื่อง 1 ครั้งต่อเดือน เพื่อคงผลลัพธ์

5. เมโสหน้าใส มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

โดยทั่วไป เมโสหน้าใสถือเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีความเสี่ยงบางประการ เช่น

• อาการบวมแดง ช้ำ รอยเข็ม

• อาการแพ้

• การติดเชื้อ

ข้อควรระวัง

• เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

• แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน อาหารแพ้

• ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์

กลไกการออกฤทธิ์

• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน: สารบำรุงที่ฉีดเข้าสู่ผิว จะกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าเต่งตึง กระชับ รูขุมขนเล็กลง

• เติมเต็มน้ำใต้ผิว: สารบำรุง เช่น กรดไฮยาลูโรนิก จะช่วยเติมเต็มน้ำใต้ผิว ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น อิ่มฟู

• ปรับสภาพสีผิว: สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และสาร Whitening อื่นๆ จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิว ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส

• ลดเลือนริ้วรอย: สารบำรุงบางชนิด เช่น กรดไฮยาลูโรนิก และเปปไทด์ จะช่วยเติมเต็ม